วานนี้ 3 มี.ค. 2566 กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และพันธมิตร หรือ โอเปกพลัส ประกาศปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มอีกราว 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยส่งผลให้คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส และพันธมิตร รวมถึงรัสเซีย ที่ปรับลดลงรวมทั้งหมดจะอยู่ที่ 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นสัดส่วน 3.7% ของความต้องการทั่วทั้งโลก ซึ่งอยู่นอกเหนือการคาดหมายของตลาด
ล่าสุดเช้าวันนี้ 4 มี.ค. 2566 สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ ราคากระโดนขึ้นทันทีเกือบ 6% ในช่วงเปิดตลาดของเอเชีย โดยน้ำมันดิบ เบรนท์ ปรับขึ้น 5.58% หรือ 4.46 ดอลลาร์ อยู่ที่ 84.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับขึ้น 5.72% หรือ 4.33 ดอลลาร์ อยู่ที่ 80.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลคำพูดจาก ปั่นสล็อตแตกทุกเกม
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลัง ซาอุดีอาระเบีย ผู้นำกลุ่มโอเปก ได้ประกาศเตรียมปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบสมัครใจ อีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งกระทรวงพลังงานซาอุฯ ระบุว่า การปรับลดโดยสมัครใจดังกล่าว เป็นมาตรการล่วงหน้าในการรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมัน
ทั้งนี้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงแต่ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน จากความกังวลวิกฤตธนาคารล้มละลาย ซึ่งคาดว่าจะกระทบเศรษฐกิจถดถอยเร็วขึ้น และอาจฉุดความต้องการใช้เชื้อเพลิง
ด้านนักวิเคราะห์ ประเมินว่า การปรับลดกำลังผลิตของ ซาอุฯ และโอเปกพลัส อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งถึง 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่เมื่อช่วงเดือน ต.ค. 65 กลุ่มโอเปกพลัส ได้มีมติปรับลดกำลังการผลิตรวม 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อดันราคาน้ำมันให้พุ่งสูงขึ้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับสหรัฐฯ เนื่องจากกังวลว่าจะทำให้เพิ่มรายได้การขายน้ำมันให้กับรัสเซีย ท่ามกลางสงครามในยูเครน ส่งผลให้สหรัฐฯ จำเป็นต้องปล่อยน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉินทุบสถิติในประวัติศาสตร์ เพื่อกดดันราคาน้ำให้ต่ำลง